แนวข้อสอบ พระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ. 2499
*******************
1. พระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ. 2499 ให้ไว้ ณ วันใด
ตอบ วันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2499
2. พระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ. 2499 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อใด
ตอบ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2499
3. พระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ. 2499 ให้ยกเลิกกฎหมายใด
ตอบ มาตรา 3 ให้ยกเลิก
(1) พระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ พุทธศักราช 2479
(2) พระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2490
(3) บรรดาบทกฎหมาย กฎ และข้อบังคับอื่นๆ ในส่วนที่มีบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้ หรือซึ่งขัด
หรือแย้งกับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้
4. พระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ. 2499 มีกี่หมวด กี่มาตรา
ตอบ 4 หมวด 22 มาตรา
5. ใครเป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ตอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการ
6. "นายทะเบียนพาณิชย์" หมายความว่าอย่างไร
ตอบ หมายความว่า พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งรัฐมนตรีได้แต่งตั้งให้เป็นผู้มีหน้าที่รับจดทะเบียนตามพระราชบัญญัตินี้
7. "ผู้ประกอบพาณิชยกิจ" หมายความว่าอย่างไร
ตอบ หมายความว่า บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลซึ่งประกอบพาณิชยกิจเป็นอาชีพปกติ และให้หมายความรวมทั้งผู้เป็นหุ้นส่วนที่ไม่จำกัดความรับผิด กรรมการหรือผู้จัดการด้วย
8. กิจการใดเป็นพาณิชยกิจ ตามความหมายแห่งพระราชบัญญัตินี้
ตอบ มาตรา 6 ให้ถือกิจการดั่งต่อไปนี้เป็นพาณิชยกิจ ตามความหมายแห่งพระราชบัญญัตินี้
(1) การซื้อ การขาย การขายทอดตลาด การแลกเปลี่ยน
(2) การให้เช่า การให้เช่าซื้อ
(3) การเป็นนายหน้าหรือตัวแทนค้าต่าง
(4) การขนส่ง
(5) การหัตถกรรม การอุตสาหกรรม
(6) การรับจ้างทำของ
(7) การให้กู้ยืมเงิน การรับจำนำ การรับจำนอง
(8) การคลังสินค้า
(9) การรับแลกเปลี่ยน หรือซื้อขายเงินตราต่างประเทศ การซื้อหรือขายตั๋วเงิน การธนาคาร การเครดิตฟองซิเอร์ การโพยก๊วน
(10) การรับประกันภัย
(11) กิจการอื่นซึ่งกำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา
9. พระราชบัญญัตินี้มิให้ใช้บังคับแก่กิจการใด
ตอบ มาตรา 7 พระราชบัญญัตินี้มิให้ใช้บังคับแก่
(1) การค้าเร่ การค้าแผงลอย
(2) พาณิชยกิจเพื่อการบำรุงศาสนาหรือเพื่อการกุศล
(3) พาณิชยกิจของนิติบุคคลซึ่งได้มีพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งขึ้น
(4) พาณิชยกิจของกระทรวง ทบวง กรม
(5) พาณิชยกิจของมูลนิธิ สมาคม สหกรณ์
(6) พาณิชยกิจซึ่งรัฐมนตรีได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
10. ใครมีอำนาจกำหนดให้ผู้ประกอบพาณิชยกิจในแต่ละท้องที่จะต้องจดทะเบียนพาณิชย์
ตอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการ
11. สำนักงานทะเบียนพาณิชย์ในจังหวัดพระนคร เรียกว่าอะไร และใครเป็นผู้แต่งตั้ง
ตอบ เรียกว่า "สำนักงานกลางทะเบียนพาณิชย์" รัฐมนตรีเป็นผู้แต่งตั้งโดยอยู่ในความควบคุมของกรมทะเบียนการค้า เพื่อรับจดทะเบียนพาณิชย์ในจังหวัดพระนครและจังหวัดธนบุรี ส่วนจังหวัดอื่น ให้รัฐมนตรีจัดตั้งสำนักงานทะเบียนพาณิชย์เพื่อรับจดทะเบียนพาณิชย์ ขึ้นตรงต่อสำนักงานกลางทะเบียนพาณิชย์
12. ผู้ประกอบพาณิชยกิจต้องยื่นคำขอจดทะเบียนพาณิชย์ ณ ที่ใด
ตอบ สำนักงานทะเบียนพาณิชย์แห่งท้องที่ตามแบบที่กำหนดในกฎกระทรวงภายใน 30 วัน
13. การจดทะเบียนพาณิชย์ ต้องมีรายการสิ่งใดบ้าง
ตอบ มาตรา 12 การจดทะเบียนพาณิชย์นั้น ให้มีรายการดั่งต่อไปนี้
(1) ชื่อ อายุ เชื้อชาติ และตำบลที่อยู่ของผู้ประกอบพาณิชยกิจ
(2) ชื่อที่ใช้ในการประกอบพาณิชยกิจ
(3) ชนิดแห่งพาณิชยกิจ
(4) จำนวนเงินทุนซึ่งนำมาใช้ในการประกอบพาณิชยกิจเป็นประจำ
(5) ที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ สาขา โรงเก็บสินค้าและตัวแทนค้าต่าง
(6) ชื่อ อายุ เชื้อชาติ สัญชาติ ตำบลที่อยู่ และจำนวนทุนลงหุ้นของผู้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนและจำนวนเงินทุนของห้างหุ้นส่วน
(7) จำนวนเงินทุน จำนวนหุ้น และมูลค่าหุ้นของบริษัทจำกัด จำนวนและมูลค่าหุ้นที่บุคคลแต่ละสัญชาติถืออยู่
(8) วันที่เริ่มต้นประกอบพาณิชยกิจในประเทศไทย
(9) วันขอจดทะเบียนพาณิชย์
(10) ชื่อที่ใช้ในการประกอบพาณิชยกิจ ชื่อสัญชาติ และตำบลที่อยู่ของผู้โอนพาณิชยกิจให้ วันที่และเหตุ
ที่ได้รับโอน
14. การเปลี่ยนแปลงรายการใดๆในการจดทะเบียนพาณิชย์ หรือการเลิกประกอบพาณิชยกิจโดยเหตุใดๆ จะต้องยื่นคำขอ ณ ที่ใด และภายในกี่วัน
ตอบ ยื่นคำขอจดทะเบียน ณ สำนักงานทะเบียนพาณชย์แห่งท้องที่ตามแบบที่กำหนดในกฎกระทรวง ภายใน 30 วันนับแต่วันเปลี่ยนแปลงหรือเลิก
15. ถ้าใบทะเบียนพาณิชย์สูญหาย ให้ผู้ประกอบพาณิชยกิจยื่นคำขอรับใบแทนใบทะเบียนพาณิชย์ภายในกี่วัน
ตอบ ภายใน 30 วันนับแต่วันที่สูญหาย
16. ผู้ประกอบพาณิชยกิจเมื่อได้จดทะเบียนพาณิชย์แล้วจะต้องจัดให้มีป้ายชื่อที่ใช้การประกอบพาณิชยกิจไว้ที่หน้าสำนักงานแห่งใหญ่ และสำนักงานสาขา โดยเปิดเผยภายในกี่วัน
ตอบ ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้จดทะเบียน
17. ป้ายชื่อที่ใช้การประกอบพาณิชยกิจ จะต้องเขียนเป็นภาษาใด และมีลักษณะเป็นอย่างไร
ตอบ เขียนเป็นอักษรไทย อ่านได้ง่ายและชัดเจน และจะมีอักษรต่างประเทศด้วยก็ได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะกระทำบนแผ่นไม้ แผ่นโลหะ แผ่นกระจกกำแพง หรือผนัง ชื่อในป้ายก็ดี ในเอกสารใดๆ ก็ดี ต้องใช้ให้ตรงกับชื่อที่จดทะเบียนไว้และถ้าเป็นสำนักงานสาขาต้องมีคำว่า "สาขา" ไว้ด้วย
18. ใครมีอำนาจหน้าที่พิจารณา และให้คำแนะนำแก่รัฐมนตรีในการถอนใบทะเบียนพาณิชย์ของผู้ประกอบพาณิชยกิจ
ตอบ กรรมการ มีจำนวนไม่น้อยกว่าห้าคนแต่ไม่เกินเจ็ดคน ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง
19. ใครมีอำนาจออกคำสั่งเรียกผู้ประกอบพาณิชยกิจมาสอบสวนข้อความอันเกี่ยวกับการจดทะเบียน
ตอบ นายทะเบียนพาณิชย์
20. ผู้ประกอบพาณิชยกิจผู้ใดไม่จดทะเบียนตามพระราชบัญญัตินี้ มีโทษอย่างไร
ตอบ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท และปรับอีกวันละไม่เกินหนึ่งร้อยบาท จนกว่าจะได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้
21. ผู้ประกอบพาณิชยกิจผู้ใดแสดงรายการเท็จ มีโทษอย่างไร
ตอบ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท
22. ผู้ประกอบพาณิชยกิจผู้ใดไม่มาให้นายทะเบียนพาณิชย์สอบสวน ไม่ยอมให้ถ้อยคำหรือไม่ยอมให้นายทะเบียนพาณิชย์หรือพนักงานเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ มีโทษอย่างไร
ตอบ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท
23. ผู้ประกอบพาณิชยกิจผู้ใดกระทำการฉ้อโกงประชาชนปนสินค้าโดยเจตนาทุจริต ปลอมสินค้าหรือกระทำการทุจริตอื่นใดอย่างร้ายแรงในการประกอบพาณิชยกิจ ต้องระวางโทษอย่างไร
ตอบ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือทั้งปรับทั้งจำ
24. ผู้รับสนองพระบรมราชโองการในพระราชบัญญัตินี้ คือใคร
ตอบ จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี
25. เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คืออะไร
ตอบ เนื่องจากพระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์พุทธศักราช 2479 และพระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2490 ได้ประกาศใช้มานานแล้ว สมควรที่จะได้รับการปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสมแก่กาลสมัย อาทิเช่น โอนหน้าที่การรับจดทะเบียนพาณิชย์ในจังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นหน้าที่ของสำนักงานกลางทะเบียนพาณิชย์ในจังหวัดพระนคร ไปให้ จังหวัดดำเนินการรับจดทะเบียนต่อไปตามนโยบายกระจายอำนาจของรัฐบาลไปยังจังหวัดท้องที่ เพิ่มพาณิชยกิจที่จะต้องจดทะเบียนบางประเภท เช่น การรับจ้างทำของ การคลังสินค้า ฯลฯ เพื่อประโยชน์ทางสถิติและทราบหลักฐานของผู้ประกอบพาณิชยกิจเพิ่มรายการจดทะเบียนเงินทุนของผู้ประกอบพาณิชยกิจ เพื่อทราบฐานะการค้าของพ่อค้า แก้ไขอัตราค่าปรับให้สูงขึ้นเพื่อป้องกันการกระทำผิดกฎหมาย เพราะโทษปรับเดิมกำหนดไว้เป็นเวลานานร่วม 19 ปีแล้ว จำนวนค่าปรับเดิมจึงน้อยไปไม่เพียงพอที่จะทำให้ผู้กระทำผิดเกรงกลัว และเข็ดหลาบได้ ฯลฯ ทั้งนี้ เพื่อได้ทราบสถิติและหลักฐานการประกอบพาณิชยกิจของพ่อค้าที่ถูกต้องควรเชื่อถือได้ อันจะใช้เป็นประโยชน์ในการส่งเสริมการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม และการปรับปรุงขยายการเศรษฐกิจของประเทศให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น จึงจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์เสียใหม่และยกเลิกพระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์เดิมทั้ง 2 ฉบับ ประกาศใช้ใหม่โดยรวมเป็นฉบับเดียวกัน เพื่อให้พ่อค้าประชาชนเข้าใจง่าย สะดวกแก่การปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ
26. ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนพาณิชย์ ฉบับละกี่บาท
ตอบ 50 บาท
27. ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงรายการ ครั้งละกี่บาท
ตอบ 20 บาท
28. ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนเลิกประกอบพาณิชยกิจ ฉบับละกี่บาท
ตอบ 20 บาท
29. ค่าธรรมเนียมขอให้พนักงานเจ้าหน้าที่ออกใบแทนใบทะเบียนพาณิชย์ ฉบับละกี่บาท
ตอบ 30 บาท
30. ค่าธรรมเนียมขอตรวจดูเอกสารเกี่ยวกับการจดทะเบียนพาณิชย์ของผู้ประกอบพาณิชยกิจรายหนึ่ง ครั้งละกี่บาท
ตอบ 20 บาท
31. ค่าธรรมเนียมขอให้พนักงานเจ้าหน้าที่คัดสำเนาและรับรองสำเนาเอกสารเกี่ยวกับการจดทะเบียนพาณิชย์ของผู้ประกอบพาณิชยกิจรายหนึ่ง ฉบับละกี่บาท
ตอบ 50 บาท
32. การประกอบพาณิชยกิจซึ่งจดทะเบียนไว้ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้เป็นอันใช้ได้จนกว่ากรณีใด
ตอบ มาตรา 22 การประกอบพาณิชยกิจซึ่งจดทะเบียนไว้ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้เป็นอันใช้ได้ จนกว่ารัฐมนตรีจะได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้ยกเลิกการจดทะเบียนนั้น และเมื่อได้ประกาศยกเลิกการจดทะเบียนพาณิชย์ในท้องที่ใดแล้ว ให้ผู้ประกอบพาณิชยกิจซึ่งถูกยกเลิกการจดทะเบียนพาณิชย์ในท้องที่นั้นยื่นคำขอจดทะเบียนใหม่ภายในหกสิบวันนับแต่วันประกาศกำหนดเวลาดังกล่าวข้างต้นนั้น ถ้ารัฐมนตรีเห็นเป็นการสมควรก็ให้มีอำนาจประกาศขยายเวลาต่อไปอีกได้